Jan 11, 2018
5 ของต้องห้ามในกระเป๋าเดินทาง
เชื่อว่าหลายคนมีคำถามอยู่ในใจว่า เวลาขึ้นเครื่องบินเราจะแพคอะไรใส่กระเป๋าได้บ้าง วันนี้บีไลน์มีตัวอย่างของต้องห้าม และของที่ไม่แนะนำให้ใส่ในกระเป๋า carry-on (กระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่อง) มากฝากกัน
.
โดยส่วนใหญ่สายการบินจะอนุญาตให้กระเป๋า carry-on มีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโล ซึ่งกฎนี้จะเคร่งครัดมากเป็นพิเศษเวลาบินสายการบินราคาประหยัด (low cost airlines) เพราะหลายครั้งผู้เดินทางอยากจะประหยัดโดยการไม่จ่ายเงินค่าโหลดกระเป๋าใหญ่ใต้ท้องเครื่อง ทำให้ต้องแพคของทุกอย่างให้อยู่ในกระเป๋าเล็กไม่เกิน 7 กิโลซึ่งแน่นอนว่า ของใช้เวลาเดินทางมักจะต้องมีของเหลว เช่น ครีมต่างๆ และของใช้อื่นๆที่ทางสายการบินไม่อนุญาตให้ถือขึ้นเครื่อง ผู้เดินทางจึงต้องวางแผนในการแพคของใช้ที่เป็นของเหลวอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกินความจุที่สายการบินอนุญาต เป็นต้น แต่นอกจากของเหลวก็ยังมีของประเภทอื่นที่ห้ามนำขึ้นเครื่องเหมือนกัน เรามาดูรายละเอียดกันเลยครับว่ามีอะไรบ้าง
1. ของมีคม
Photo via: swissarmy.com
อาวุธ และของมีคมเป็นสิ่งที่ต้องห้ามในการพกขึ้นเครื่อง แต่ของมีคมไม่ได้จำกัดอยู่เพียงอาวุธใหญ่หรือมีดเล่มใหญ่เท่านั้น อย่าลืมว่ามีดพกขนาดเล็ก อย่างมีดพับสวิส (Victorinox) กรรไกรตัดเล็บ และกรรไกรเล็กๆ เช่น กรรไกรตัดขนคิ้ว ก็เป็นของมีคมที่ไม่สามารถใส่กระเป๋า carry-on ได้เช่นกัน หลายคนจะชอบลืมนึกถึงของมีคมชิ้นเล็กเหล่านี้ และเมื่อไปถึงขั้นตอนการตรวจ X-Ray เจ้าหน้าที่ก็จะไม่ให้ผ่าน และบังคับให้คุณทิ้งของเหล่านี้ไว้ที่สนามบิน ทำให้ไม่ได้ใช้ แล้วยังต้องไปซื้อใหม่อีก
2. วัตถุอันตราย
Photo via: Environmental Health & Safety – UC Santa Cruz
วัตถุอันตราย หมายถึงวัตถุไวไฟ และ วัตถุระเบิดต่างๆ ที่อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ จึงเป็นของที่ต้องห้ามเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า carry-on หรือ กระเป๋าใหญ่โหลดใต้เครื่องบิน ตัวอย่างของอันตรายที่มักจะพบเห็นนักเดินทางถือติดตัวไปอยู่บ่อยครั้งก็คือ ไฟแช็ค ยิ่งถ้าเผลอติดยี่ห้อ หรือรุ่นที่มีราคาแพง แล้วต้องทิ้งตอนตรวจสัมภาระจะน่าเสียดายมากๆเลย
3. แบตเตอร์รี่สำรอง (Power Bank)
ปัจจุบัน Power Bank ถือเป็นของสำคัญติดกระเป๋าในชีวิตประจำวันของหลายๆคน แต่อย่าได้ลืมติดกระเป๋า carry-on โดยไม่ได้เช็คความจุก่อนล่ะ เพราะทุกวันนี้ผู้โดยสารสามารถนำ Power Bank ใส่กระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้ก็จริง แต่ตัวแบตเตอร์รี่จะต้องมีความจุไม่เกิน 20,000 mAh หากเป็นไซส์นี้จะพกไปกี่ก้อนก็ได้ แต่หากแบตเตอร์รี่มีความจุตั้งแต่ 20,001-32,000 mAh จะสามารถนำขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 2 ก้อน และหากแบตเตอร์รี่มีความจุมากกว่า 32,000 mAh ทางสายการบินจะไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องในทุกกรณี นอกจากนี้อย่าลืมว่า Power Bank ได้รับการอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องเท่านั้น ห้ามใส่ในกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องเป็นอันขาดไม่ว่าจะความจุเท่าไหร่ก็แล้วแต่.
4. ของเหลว
ของเหลว จริงๆแล้วสามารถขึ้นเครื่องได้ แต่ในปริมาณ 100 ml ต่อบรรจุภัณฑ์เท่านั้น โดยของเหลวทั้งหมดรวมกันในกระเป๋า carry-on จะต้องไม่เกิน 1,000 ml ต่อผู้โดยสาร 1 คน และเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการตรวจสัมภาระของเจ้าหน้าที่สนามบิน แนะนำให้แยกขวดของเหลวทั้งหมดใส่ในถุงพลาสติกใสใบเดียว
เมื่อพูดถึงของเหลว หลายคนจะนึกถึงของใช้ส่วนตัวในห้องน้ำ หรือเครื่องสำอาง แต่บางทีจะลืมนึกถึงเครื่องดื่ม อาหารเด็ก และยา ซึ่งตามกฎแล้วโดนให้ทิ้งแน่นอน แต่ในกรณีเป็นยา จะต้องมีเอกสารยืนยันเป็นกรณีพิเศษ ก่อนเดินทางแนะนำให้หาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อความแน่ใจก่อน
นอกจากนั้น ของเหลวอีกอย่างที่นักท่องเที่ยวมักจะลืมก็คือลูก Snow Globe (ลูกแก้วที่มีน้ำอยู่ข้างใน เขย่าแล้วเหมือนมีหิมะตกอยู่) ที่ตั้งใจซื้อกลับมาเป็นของที่ระลึก หรือของฝาก ถึงลูกแก้วเหล่านี้จะไม่ใช่ของที่เปิดใช้ หรือกินได้ แต่ก็ถือว่าเป็นของเหลวที่ห้ามนำขึ้นเครื่องอยู่ดี และส่วนมากก็ไม่รู้ด้วยว่ามีความจุเท่าไหร่ เกิน 100 ml รึเปล่า เพื่อความแน่ใจควรแพคลูกแก้ว Snow Globe ใส่กระเป๋าใหญ่โหลดใต้ท้องเครื่องดีกว่า ปลอดภัยที่สุด.
5. มะพร้าว
ผลไม้ปกติทั่วไปสามารถนำขึ้นเครื่องได้ แต่อย่าลืมว่าผลไม้บางชนิดมีส่วนที่เป็นน้ำอยู่มาก เช่น มะพร้าว มีครั้งหนึ่งเคยเจอนักท่องเที่ยวที่เกาะไห่หนาน ประเทศจีน ซื้อมะพร้าวใส่ถุงมา 2 ลูก เหมือนว่าจะนำขึ้นเครื่องกลับไปเป็นของฝากคนที่บ้าน แต่โดนเจ้าหน้าที่ตรวจสัมภาระที่สนามบินสกัดไว้ไม่ให้ผ่าน เพราะในลูกมะพร้าวมีน้ำซึ่งเป็นของเหลวเกิน 100 ml แน่นอน.
ก่อนเดินทางครั้งต่อไปอย่าลืมวางแผนการแพคของให้ดีก่อน ถ้าหากไม่แน่ใจควรจะหาข้อมูลเพิ่มเติม ดีกว่าจะต้องเสียเวลาตอนตรวจสัมภาระที่สนามบิน และยังต้องเสียเงินฟรีกับของที่ต้องทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย.