ความประทับใจที่ Rambagh Palace – Part 2

ที่พระราชวัง Rambagh ยังมีกิจกรรมให้ทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการดื่ม High Tea แบบอังกฤษ การเล่นโยคะตอนเช้า ชมการแสดงเต้นพื้นเมือง และการเล่นโปโลโดยขี่ช้าง กิจกรรมเหล่านี้ถูกเปลี่ยนทุกวัน และขึ้นอยู่กับฤดูกาลเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศสำหรับแขกที่มาพัก ในครั้งนี้แพมได้เลือกที่จะใช้เวลายามบ่ายจิบน้ำชาในสไตล์ Rambagh Royal High Tea ค่ะ

ภาพ 1: คาเฟ่ที่พักดื่มชาอยู่ทางด้านซ้ายของภาพ (โซนที่มีร่ม)

ภาพ 2: โซนคาเฟ่ของพระราชวัง

High Tea ที่นี่เสิร์ฟพร้อมชาที่ท่านสามารถเลือกเองได้ แชมเปญ แซนด์วิชมะเขือเทศ แซนด์วิชแตงกวา สโคน ชีสทำเป็นแท่งๆ และเค้กผลไม้

ภาพ 3: ชาคุณภาพถูกเสิร์ฟในถ้วยชาที่สวยงาม

ภาพ  6 : ดอกไม้ถูกประดับประดาตามพื้นห้อง เพื่อใช้ตกแต่งในพิธีสำคัญต่างๆ

ภาพ  7 : สระว่ายน้ำประวัติศาสตร์ของพระราชวัง Rambagh

ภาพ  8 : นกพิราบสีเขียว สัตว์ขึ้นชื่อของอินเดียมาทักทายเราขณะกำลังชมสวน

ห้องที่สวยงามอื่นๆ ก็จะมีห้องอาหารอินเดีย ห้องที่ตกแต่งในธีม Polo ห้องที่ตกแต่งสไตล์จีน และห้องที่สวยและสำคัญที่สุดก็คือห้อง Suite ของ มหารานี Gayatri Devi

ภาพ  9  : ห้องอาหารของโรงแรม

ภาพ 10 : ภาชนะที่โรงแรมใช้ มาจาก collection Arabesque Champagne ของยี่ห้อ Versace

มหารานี Gayatri Devi มีความสำคัญมาก เนื่องจากเมื่อสมัยพระองค์ทรงอ่อนชันษา นิตยาสาร Vouge ขนานนามพระองค์ว่าเป็นหนึ่งใน 10 ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก และพระองค์ยังเป็นมหารานีคนที่สามของมหาราชา Sawai Man Singh II อีกด้วย ทั้งสองพระองค์ทรงอภิเษกสมรสกันด้วยความรัก ซึ่งเป็นเรื่องที่หาได้ยากในสมัยก่อน โดยเฉพาะในเหล่าเชื้อพระวงศ์ ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดาด้วยกัน และ 1 ในนั้นก็คือเจ้าชาย Jagat Singh เจ้าชายองค์นี้ได้เสกสมรสกับ หม่อมราชวงศ์ปรียนันทนา รังสิต ของเมืองไทยเรานี่เอง

ภาพ 11 : ภาพของมหารานี Gayatri Devi

นิตยาสาร Conde Nast Traveller ยกให้โรงแรม Rambagh เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งแพมเองก็เห็นด้วย โดยรวมคิดว่าโรงแรม Rambagh เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ต้องมาพักสักครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะคุณจะได้รับการบริการที่เหนือระดับจริงๆ ขอแนะนำค่ะ

กลับไปที่บทความ “Rambagh Palace Expence – Part 1 ” ค่ะ