โครเอเชีย 9 วัน

(1) : กรุงเทพฯ – โดฮา

(2) : โดฮา –  ซาเกรบ – พูล่า – โอพาเทีย

(3) : โอพาเทีย – อุทยานแห่งชาติพลิวิทเซ่ (มรดกโลก) 

(4) : พลิทวิทเซ่ (มรดกโลก) – ซีบีนิค – โทรเกียร์ – สปลิท (มรดกโลก)

(5) : สปลิท – พระราชวังดิโอคลีเธี่ยน – โอมิช – ดูบรอฟนิค 

(6) : ดูบรอฟนิค – นั่งกระเช้า – Rector’s Palace – สปลิท

(7) : สปลิท – ซาดาร์ – (ทานหมูหัน แห่งแคว้นตัลมาเชียน) – ซาเกรบ

(8) : ซาเกรบ – สนามบิน – โดฮา

(9) : กรุงเทพฯ

รายละเอียด ตารางการเดินทาง

DAY 1

กรุงเทพฯ - โดฮา

18.30 น.        คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์สายการบินกาตาร์ แถว Q ประตู 8

20.45 น.       ออกเดินทางสู่ โดฮา โดยเที่ยวบินที่ QR 835

DAY 2

โดฮา – ซาเกรบ – พูล่า – โอพาเทีย

00.35น.           เดินทางถึง โดฮา เพื่อแวะเปลี่ยนเที่ยวบิน

02.15 น.         ออกเดินทางสู่ ซาเกรบ โดยเที่ยวบินที่ QR 215

06.15 น.         เดินทางถึง เมืองซาเกรบ (Zagreb) เมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่าพันปี โดยเมืองซาเกรบเพิ่งเฉลิมฉลองครบรอบ 900 ปี ในปี ค.ศ. 1994 ที่ผ่านมา

นำท่านเดินทางสู่ เมืองพูล่า (Pula) เมืองศูนย์กลางแห่งคาบสมุทรอิสเตรีย เคยเป็นดินแดนของประเทศอิตาลีทำให้มีผู้คนใช้ภาษาอิตาเลียนกันแพร่หลาย เป็นเมืองหนึ่งเดียวของโครเอเขียที่มีความเป็นโรมัน เต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะโรมัน ริมทะเลเอเดรียติก

เที่ยง            รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

บ่าย              นำท่านชม สนามอารีน่า (Arena) หรือ Amphitheater สนามกีฬากลางแจ้ง เป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นในสมัยที่โรมันเรืองอำนาจ มีอายุพอๆกับโคลอสเซียมที่กรุงโรม เป็นอารีน่าที่ใหญ่เป็นอันดับหก สามารถจุผู้คนได้ถึง 23,000 คน นับเป็นอารีน่าที่ค่อนข้างสมบูรณ์มาก ปัจจุบันยังใช้เป็นที่แสดงคอนเสิร์ต การแสดงต่างๆอีกด้วย ผ่านชม ประตูเฮอร์คิวลิส พูล่า ฟอรั่ม (Pula Forum) วิหารแห่งเทพออกุสตุส (Temple of Augustus) รวมถึงถนนคนเดินในเมืองเก่าที่ท่านจะได้ช้อปปิ้งเลือกซื้อหาของฝากของที่ระลึกจากโครเอเชีย อาทิ กล่องเพลง ป้ายแม่เหล็กสถานที่ท่องเที่ยวหลักอย่าง พูล่าแอมปิเธียเตอร์ เป็นต้น

นำท่านเดินทางสู่ภาคตะวันตกของประเทศโครเอเชีย เรียกว่า แคว้นอิสเตรีย เพื่อชม เมืองโอพาเทีย (Opatija) ไช่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก ระหว่างทางผ่านชมวิวทะเลเอเดรียติคที่สวยงามทุกมุมมอง ด้วยธรรมชาติที่บริสุทธิ์ของริมทะเลเอเดรียติกทำให้เมืองโอพาเทียเป็นเมืองท่องเที่ยวและพักผ่อนที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโครเอเชีย          แวะบันทึกภาพ รูปปั้น Maiden with the Seagull ซึ่งถือว่าเป็นรูปปั้นที่แกะโดย Zvonko Car เป็นรูปสตรีงดงามที่มีนกนางนวลเกาะอยู่ที่มือ ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมือง มีเวลาให้ท่านได้เดินเล่นชมเมืองโอพาเทีย

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

เข้าสู่ที่พัก   โรงแรม Remisens Hotel Excelsior หรือเทียบเท่า

DAY 3

โอพาเทีย – อุทยานแห่งชาติพลิวิทเซ่ (มรดกโลก)

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติพลิทวิทเซ่ (Plitvice Lakes National Park) หนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่งดงามแห่งหนึ่งของยุโรป และเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดของโครเอเชียจากทั้งหมด 8 แห่ง พลิทวิทเซ่ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติของประเทศในปี ค.ศ. 1949 และยังได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. 1979 อีกด้วย

เที่ยง            รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

บ่าย              นำท่านชมภายใน อุทยานแห่งชาติพลิทวิทเซ่ ชมความงดงามของธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ซึ่งประกอบไปด้วยน้ำตก ทะเลสาบมากมายหลายแห่ง และยังอุดมไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดประมาณ 1,266 สายพันธุ์ นอกจากนั้น ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด ในบรรดาสัตว์ที่อยู่ภายในอุทยานฯ มีหมีสีน้ำตาล ซึ่งมีชื่อพื้นเมืองว่า “URSUS ARCTOS” เป็นสัตว์ที่มีชื่อเสียงของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ ล่องเรือชมทะเลสาบ Jezero Kozjak ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งชาติพลิทวิทเซ่แห่งนี้  ชมน้ำตก Veliki Slap น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานฯ มีความสูงถึง 70 เมตร ไหลรวยรินลงสู่ทะเลสาบ สัมผัสถึงบรรยากาศของสายน้ำอันชื่นฉ่ำ บนพื้นน้ำสีคราม และเกาะแก่งในทะเลสาบ ตลอดจนไม้ป่าจำพวกสนและเฟอร์ เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ พร้อมชมฝูงปลาแหวกว่ายในท้องทะเล แวดล้อมด้วยหุบเขา ต้นไม้อันร่มรื่น

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

เข้าสู่ที่พัก   โรงแรม Hotel Jezero Plitvice หรือเทียบเท่า

DAY 4

พลิทวิทเซ่ (มรดกโลก) – ซีบีนิค – โทรเกียร์ – สปลิท (มรดกโลก)

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่ เมืองซีบีนิค (Sibenik) นำท่านชมตัวเมืองซีบีน เมืองเก่าริมฝั่งทะเลอาเดรียติคที่ได้รับอิทธิพลสถาปัตยกรรมจากเวนิส ชมความงามของโบสถ์เซนต์จาคอบ (เซนต์เจมส์) ที่ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยเรอเนสซองต์ในปี ค.ศ.1431 ตามสถาปัตยกรรมแบบเวนิส-โกธิค ผสมศิลปะทอสคาโนเรอเนสซองส์ โดยศิลปินชาวอิตาเลียน ซีบีนิคเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ตอนกลางของแควันดัลเมเชีย เนื่องจากเมืองซีบีนิคนั้นตั้งอยู่บนบริเวณที่แม่น้ำครึคาไหลลงสู่ทะเลอาเดรียติค จึงเกิดเป็นความได้เปรียบทั้งในด้านคมนาคมทางน้ำ และความงามของทัศนีย์ภาพที่แต่งแต้มโดยธรรมชาติ

เที่ยง             รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

บ่าย              เดินทางสู่ เมืองโทรเกียร์ (Trogir) นั่งรถเลียบชายฝั่งทะเลอาเดรียติก ให้ท่านได้ชื่นชมกับธรรมชาติอันงดงาม น้ำทะเลสีน้ำเงินคราม ใบไม้เขียวชอุ่ม ในระหว่างเดือน มิ.ย. – ก.ย. และ ใบไม้เปลี่ยนสี ระหว่างเดือน ต.ค. – มี.ค. ชมบ้านเรือนริมชายฝั่งทะเล อันแสนงดงามเมืองโบราณอีกเมืองหนึ่งของยุคกรีกและโรมัน ตัวเมืองมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน บางครั้งเรียกกันว่า “แคลิฟอร์เนียแห่งโครเอเชีย” ชม เขตเมืองเก่าโทรเกียร์ ซี่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1997 เนื่องจากยังคงรักษาสถาปัตยกรรมกรีก-โรมันได้อย่างสมบูรณ์ ชม ประตูเมืองโทเกียร์ (Kopnena Vrata) ที่ได้บูรณะขึ้นใหม่ในศตวรรษที่1 / ผ่านชม หอนาฬิกา (Trogir Loggia And Clock Tower) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 / เข้าชม มหาวิหารเซนต์ลอเรนซ์ (Cathedral Of St.Lawrence) เริ่มสร้างในปี 1193 และใช้เวลาหลายสิบปีต่อมากว่าจะแล้วเสร็จในประมาณปี 1500 งดงามด้วยกรอบ บานประตูหินแกะสลักในรูปแบบโรมันเนสก์ที่มีสิงโตอาดัมกับอีฟ และนักบุญองค์สำคัญๆ

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

เข้าสู่ที่พัก   โรงแรม Le Meridien Lav Split หรือเทียบเท่า

DAY 5

สปลิท – พระราชวังดิโอคลีเธี่ยน – โอมิช – ดูบรอฟนิค

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่ เมืองสปลิท (Split) เมืองในแคว้นดัลเชีย ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ดัลเมเชียนเมืองศูนย์กลางการพาณิชย์ และการคมนาคมของเขตดัลเมเชียน มีประชากรราว 300,000 คน และเป็นอีกเมืองที่ทางยูเนสโก้ประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก ชมตัวเมืองสปลิท ที่สร้างรายล้อมพระราชวังดิโอคลีเชียน ประกอบด้วยศาลาว่าการเมืองสไตล์เรอเนสซองส์ สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ต่างๆ 

นำท่านเข้าชม พระราชวังดิโอคลีเธี่ยน (Diocletian Palace) ที่ประทับของจักรพรรดิดิโอคลีเธี่ยนแห่งอาณาจักรโรมัน ที่แผ่ขยายอาณาเขตจากเวนิสสู่เมืองสปลิทในยุคโรมันโบราณ ท่านจะพบเห็นสถาปัตยกรรมหรือลานกว้างที่มีเสาสไตล์โรมันเรียงราย ระหว่างทางท่านจะผ่านเมืองสวยชื่อว่า เมืองโอมิช (Omis) เป็นเมืองสวยตั้งอยู่ริมทะเลอาเดรียติค โมสตาร์ เป็นเมืองที่เคยถูกระเบิดครั้งใหญ่และโดนผลกระทบในช่วงสงครามระหว่างเซิร์บกับโครแอต โมสตาร์เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ

เที่ยง             รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

บ่าย              นำท่านลัดเลาะเลียบไปตาชายฝั่งทะเลอะเดรียติคที่สวยงามสู่ มาลีสตอน (Maliston) ก่อนเดินทางถึง เมืองมาลี สตอน ท่านจะได้ข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศบอสเนีย ระหว่างทางแวะถ่ายรูปและเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองที่เมืองนีอุม ประเทศเพื่อนบ้านของโครเอเชีย ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวโครเอเชีย (มีการตรวจวีซ่าที่บริเวณพรมแดน) จากนั้นนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนกลับเข้าสู่ประเทศโครเอเชีย

เดินทางถึง เมืองมาลี สตอน ที่เป็นสถานที่เลี้ยงหอยนางรมที่ขึ้นชื่อของประเทศโครเอเชีย นำท่านล่องเรือเยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงหอยนางรม (ใช้เวลาประมาณ 45 นาที) ชมขั้นตอนต่างๆ ของการเลี้ยงหอยนางรม ให้ท่านได้ ชิมหอยนางรมสดๆจากทะเลเอเดรียติก พร้อมด้วยเครื่องเคียง จิบไวน์สด เพิ่มอรรถรสในการทาน ท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามของอ่าวมาลี สตอน (การล่องเรือ ขึ้นอยู่สภาพอากาศในวันเดินทาง)

เดินทางสู่ เมืองดูบรอฟนิค (Dubrovnik) เมืองทางตอนใต้ของประเทศ ที่พรมแดนติดต่อกับประเทศบอสเนีย เฮอร์เซโกวีน่า ลัดเลาะเลียบไปตามชายฝั่งทะเลอเดรียติก โดยเดินทางข้ามสะพานแขวนท่านจะตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศริมชายฝั่งทะเลที่มีบ้านเรือนหลังคากระเบื้องสีแสดสลับตามแนวชายฝั่งเป็นระยะ 

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

เข้าสู่ที่พัก   โรงแรม Bedbank 4* Valamar หรือเทียบเท่า

DAY 6

ดูบรอฟนิค – นั่งกระเช้า – เดินกำแพงโบราณ – สปลิท

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่าน ขึ้นนั่งกระเช้า (Cable Car) สัมผัสวิวอันงดงามแบบพาราโนรามา ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ท่านจะได้รู้สึกตะลึงกับทัศนียภาพย่านเมืองเก่าที่มีมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหลของเมืองดูบรอฟนิค และทะเลเอเดรียติก ที่มีน้ำทะเลสีฟ้าใสดั่งคริสตัลเป็นประกาย และหมู่เกาะจำนวนมากที่รายล้อมสวยงาม

นำท่านชม ศาลาว่าการประจำเมือง (City Hall) / เข้าชม Rector’s Palace ศูนย์กลางการบริหารเมืองดูบรอฟนิคในอดีตที่ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมกรีก - โรมัน       

ชมเสาหินโรแลนด์  (Roland’s Column) เป็นเสาหินที่นำเข้ามาที่ดูรอฟนิคเมื่อปี ค.ศ. 1419 โดยเสานี้เป็นสัญลักษณ์หมายถึงอิสรภาพและเอกราชของเมืองดูบรอฟนิค ด้านบนของเสาเป็นที่ตั้งของเสาธง ซึ่งจะใช้แขวงธงที่มีอักษรเขียนไว้ว่า “อิสรภาพ” (LIBRTAS) ในงานเทศกาลฤดูร้อนของเมืองดูบรอฟนิค  นำท่านเดินขึ้นกำแพงเมืองดูบรอฟนิก (Dubrovnik City Wall) สัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเมืองดูบรอฟนิกและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก มาเที่ยวดูบรอฟนิกแล้วไม่ได้ขึ้นเหมือนมาไม่ถึงดูบรอฟนิก สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 เป็นกำแพงที่สร้างล้อมรอบย่านตัวเมือง ตั้งอยู่ริมทะเล     เอเดรียติก มีความยาวถึง 1,940 เมตร ถือว่าเป็นกำแพงเมืองที่สวยงามที่สุดและแข็งแรงที่สุดแห่งหนึ่งในเขตทะเลเมดิเตอเรเนียน โดยบนกำแพงแห่งนี้ประกอบไปด้วยป้อมปราการที่ทำหน้าที่ปกป้องตัวเมืองและหอคอย

ชม ประตูปิเล (Pile  Gate) ซึ่งเป็นทางเข้าหลักที่เชื่อมอยู่กับสะพานหินที่มีอายุย้อนถึงปี ค.ศ.1537 เหนือประตูปิเลมีรูปปั้นของนักบุญเบลส (St. Blaise) ซึ่งเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของเมืองดูบรอฟนิก  

เที่ยง             รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

บ่าย              ผ่านชมโบสถ์เซนต์นิโคลัส (St. Nikola Church) ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ในฐานะเป็นอารามแห่งฟรานเซสกัน ตั้งอยู่หน้าอ่าวลูก้า (Luka Bay) มีม้ายาวสำหรับนั่งฟังสวดสร้างขึ้นตามแบบชาวสปาร์ตัน ด้านตรงข้ามแท่นบูชามีภาพวาด Our Lady of Cavtat อันมีค่าวาดโดย Carmela Reggia Palermitana ศิลปินดูบรอฟนิก / เก็บบันทึกภาพด้านหน้าของ SPONZA PALACE ที่สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 14   ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาเอกสารโบราณที่สำคัญ ๆ รวมถึงคำจารึกเป็นภาษาละตินโบราณที่   ใช้เตือนใจพ่อค้าวาณิชทางทะเล “ห้ามกระทำการโกงน้ำหนักในการซื้อขาย ขณะที่ท่านชั่งตวง สินค้า เพราะพระเจ้ากำลังจับตา และวัดความซื่อสัตย์ของท่านอยู่”

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

เข้าสู่ที่พัก   โรงแรม Hotel Globo Split หรือเทียบเท่า

DAY 7

สปลิท – ซาดาร์ – ซาเกรบ

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่ เมืองซาดาร์ (Zadar) นำท่านชม เมืองซาดาร์ (Zadar) ประเทศโครเอเชีย เมืองที่อดีต

เคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นดัลเมเทีย เป็นเมืองที่ร่ำรวยไปด้วยอารยธรรม

นำท่านชม ออร์แกนทะเล (Sea Organ) เครื่องดนตรีที่เล่นเพลงโดยใช้พลังขับเคลื่อนของคลื่นในท้องทะเล โดยจะมีขั้นบันไดที่ทำจากหินอ่อนทอดตัวลงจากบริเวณชายฝั่งลงสู่ทะเล และมีท่อออร์แกนประมาณ 35 ท่อ ความยาว 70 เมตร โดยจะเล่นตัวโน้ต  5 ตัวโน้ตและมี 7 คอร์ด โดยเสียงเพลงที่จะได้ยินในแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับความแรงของคลื่นที่จะซัดเข้ามากระทบฝั่งว่าเบาหรือแรงเพียงใด / ผ่านชม โรมันฟอรัม (Roman Forum) ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 1 มีความยาวประมาณ 90 เมตร และกว้าง 45 เมตร ปัจจุบันยังคง  หลงเหลือซากสิ่งก่อสร้างในยุคโรมัน ณ ที่แห่งนี้

เที่ยง             รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง **เมนูหมูหัน Riva Dalmacija**

บ่าย              แวะถ่ายรูปกับ โบสถ์เซนต์โดนัท (St. Donat Church) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 และเป็นโบสถ์ไบเซนไทน์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งแคว้นดัลเมเทีย แต่เดิมเรียกว่า Holy Trinity โดยได้เปลี่ยนชื่อเป็นโบสถ์เซนต์โดแนทตามชื่อของบาทหลวงโดแนท (BISHOP DONAT) ภายหลัง และยังถือว่าโบสถ์แห่งนี้เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองซาดาร์อีกด้วย ชมฟอรัมหรือย่านชุมชนของโรมันเมื่อสองพันปี ก่อนที่นักโบราณคดีจะใช้ความอุตสาหะในการขุดค้นพบหลักฐานสำคัญต่างๆ

เดินทางสู่ เมืองซาเกรบ (Zagreb) เมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย เป็นเมืองศูนย์กลางการขนส่ง อุตสาหกรรม เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่าพันปี โดยเมืองซาเกรบเพิ่งเฉลิมฉลองครบรอบ 900 ปี ในปี ค.ศ. 1994 ที่ผ่านมา

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

เข้าสู่ที่พัก   โรงแรม Hotel International หรือเทียบเท่า

DAY 8

ซาเกรบ – โดฮา – กรุงเทพฯ

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านขึ้นรถราง (Funicular) ชมเมืองซาเกรบ บนฝั่ง Upper Town / ผ่านชม โบสถ์เซนต์มาร์ค (St. Mark’s Church) โบสถ์ซึ่งมีสัญลักษณ์และจุดเด่นอยู่ที่หลังคาสีสันสดใสประดับด้วยตราประจำ (Coat Of Arms) ของโครเอเชีย, ดัลมาเชีย, ซลาโวเนีย และเมืองซาเกรบ อาคารรัฐสภา (Sabor) ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1918  ในโอกาสที่โครเอเชียแยกตัวออกจากอาณาจักรออสโตร-ฮังกาเรียน

นำท่านเข้าชมภายใน โบสถ์เซนต์ สตีเฟ่น (St. Stephen's Cathedral) โบสถ์คาทอลิกประจำเมืองซาเกรบ ศิลปะแบบโกธิค เป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองซาเกรบ สร้างขึ้นแต่ต่คริสตวรรษที่ 11 ถือได้ว่าเป็นความยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งของสถาปัตยกรรมของมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น

13.00 น.         รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย                  ชมประตูเมืองเก่าสโตนเกท (Stone Gate) ประตูเมืองเก่าสโตนเกท สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 เป็นประตูเมืองที่ยังหลงเหลืออยู่มีรูปพระแม่มารีรอดพ้นจากไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1731 เชื่อกันว่าเกิดจากปาฏิหาริย์อันศักดิ์สิทธิ์ โดยไม่เสียหายจากไฟไหม้ เพื่อป้องกันภาพวาดจึงมีการสร้างโบสถ์เพิ่มเติมและภาพวาดที่ยังคงอยู่ด้านหลังตะแกรงโลหะ

15.30 น.        เดินทางสู่สนามบิน

16.05 น.         ออกเดินทางสู่ โดฮา โดยเที่ยวบินที่ QR 218

23.15 น.        เดินทางถึง โดฮา เพื่อแวะเปลี่ยนเที่ยวบิน

DAY 9

โดฮา – กรุงเทพฯ

02.10 น.         ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ QR 834

12.30 น.         เดินทางถึง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

ราคาเริ่มต้นที่

79,900. - บาท / คน

ช่วงเวลาเดินทาง

กำหนดวันที่เดินทาง

01 – 09 พ.ค. 63

12 – 20 มิ.ย. 63

24 ก.ค. – 01 ส.ค. 63

07 – 15 ส.ค. 63

11 – 19 ก.ย. 63

16 – 24 ต.ค. 63

13 – 21 พ.ย. 63

04 – 12 ธ.ค. 63

25 ธ.ค. – 02 ม.ค. 64

จองทริปนี้

ดาวน์โหลด

แชร์ทริปนี้

02-678-6088