นอร์เวย์ หมู่เกาะโลโฟเทน 10 วัน 7 คืน
(1) : กรุงเทพฯ
(2) : กรุงเทพฯ – ออสโล – ทรอมโซ – ฮัสกี้ ฟาร์ม
(3) : ทรอมโซ – ขับขี่สโนว์โมบิล – มหาวิหารอาร์กติก – ยอดเขาสโตรสไตเนิน – ตามล่าหาแสงเหนือ
(4) : ทรอมโซ – บาร์ดู – สวนสัตว์ Polar Park – นาร์วิค
(5) : นาร์วิค – เฮนนิ่งสวาร์ – สโวลแวร์
(6) : สโวลแวร์ – นัสฟยอร์ด – รีนน์ – แฮมนอยด์ – หมู่บ้านโอ – เลคเนส
(7) : เลคเนส – ท่าเรือมอสคิเนส – ล่องเรือ Ferry – โบโด – มหาวิหารโบโด
(8) : โบโด – บินภายใน – ออสโล – พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง – ช้อปปิ้งถนนคาร์ล โยฮันส์ เกท
(9) : ออสโล – กรุงเทพฯ
(10) : กรุงเทพฯ
รายละเอียด ตารางการเดินทาง
DAY 1
กรุงเทพฯ
21.00 น. พร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 4 แถว D เคาน์เตอร์สายการบินไทย
DAY 2
กรุงเทพฯ – ออสโล – ทรอมโซ – ฮัสกี้ ฟาร์ม
00.20 น. ออกเดินทางสู่ กรุงออสโล (Oslo) โดยเที่ยวบิน TG 954
06.50 น. เดินทางถึง กรุงออสโล (Oslo) เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์
10.25 น. ออกเดินทางสู่ เมืองทรอมโซ (Tromso) โดยสายการบินสแกนดิเนเวียน แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SK 4412
12.15 น. เดินทางถึง เมืองทรอมโซ (Tromso) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์เป็นเมืองท่าทางทะเลบนเกาะขนาดเล็กระหว่างเกาะควาเลอยากับผืนแผ่นดินใหญ่
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านทำกิจกรรมผจญภัยที่น่าตื่นเต้นกับสุนัขลากเลื่อนที่ Husky Farm หรือ Husky Safari ตั้งอยู่ในภูมิทัศน์ของหุบเขาอาร์กติก ที่ให้บรรยากาศสดชื่นและสวยงามทำให้ ฮัสกี้ ฟาร์มแห่งนี้มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอย่างมากในการทำกิจกรรมสุนัขลากเลื่อน สุนัขฮัสกี้เป็นสุนัขเมืองหนาวที่ร่าเริง รักการวิ่งเล่น จึงใช้สุนัขฮัสกี้เป็นสุนัขลากเลื่อน เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ในการร่วมกิจกรรม อีกทั้งยังเป็นการให้สุนัขออกกำลังกายอีกด้วย
(หมายเหตุ หากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยทางบริษัทจะทำการคืนเงินให้ท่านละ 4,500) กิจกรรมนี้เป็นแพ็คเกจทัวร์ที่ทางบริษัท Husky Safari เป็นผู้จัดการทัวร์ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง รวมอาหารค่ำแบบชาวพื้นเมือง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม Radisson Blu Hotel Tromso หรือเทียบเท่า
DAY 3
ทรอมโซ – ขับขี่สโนว์โมบิล – มหาวิหารอาร์คติก – ยอดเขาสโตรสไตเนิน – ตามล่าหาแสงเหนือ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ทุ่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ และสนุกพลิดเพลินกับการ ขับขี่สโนว์โมบิล (Snow Mobile) (หมายเหตุ หากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ทางบริษัทจะทำการคืนเงินให้ท่านละ 4,500) ดินแดนแห่งความสุขกลางหิมะ โดยสามารถนั่งสโนว์โมบิลซ้อนกันได้ในกรณีที่ท่านขับขี่ไม่เป็น กิจกรรมนี้จะมีการเตรียมชุดอุปกรณ์กันหนาวให้ มีครูฝึกคอยให้คำแนะนำ และนำทางไปเหมือนกองคาราวาน (กิจกรรมนี้เป็นแพ็คเกจทัวร์ที่ทางบริษัท Snow Mobile เป็นผู้จัดการทัวร์ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง รวมอาหารกลางวันแบบชาวพื้นเมือง)
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านชมย่านใจกลางเมืองทรอมโซ ให้ท่านได้ชื่นชมความงดงามของสถาปัตยกรรมที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะเหล่าอาคารบ้านไม้เก่าแก่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสดใส เข้าชมมหาวิหารอาร์คติก (Arctic cathedral) มหาวิหารที่สร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ สร้างขึ้นในปี 1965 อีกทั้งยังมีโครงสร้างโดดเด่นซึ่งได้รับแรงบันดาลใจ ในการสร้างมาจากสภาพภูมิทัศน์ในแบบภาคเหนือของนอร์เวย์ นำท่าน นั่งเคเบิลคาร์สู่ยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) เป็นยอดเขาสูงที่มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองทรอมโซและบริเวณใกล้เคียงที่มีลักษณะเป็นเกาะใหญ่แยกจากกันโดยมีร่องน้ำซึ่งเกิดจากการกัดเซาะตั้งแต่ยุคน้ำแข็งกลายเป็นฟยอร์ดอยู่โดยรอบ ให้ท่านได้เก็บภาพความประทับใจของทรอมโซจากมุมสูง
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
21.00 น. นำท่านออกไปชม แสงเหนือ หรือ ปรากฎการณ์ออโรร่า Northern Light เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีแสงเรืองรองบนท้องฟ้าในเวลากลางคืน มักจะเกิดขึ้นในบริเวณแถบขั้วโลก ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง ในกรณีสภาพไม่เอื้ออำนวย ขออนุญาตเลื่อนเป็นวันถัดไป
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม Radisson Blu Hotel Tromso หรือเทียบเท่า
DAY 4
ทรอมโซ – บาร์ดู – สวนสัตว์ Polar Park – นาร์วิค
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองบาร์ดู (Bardu) เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในเขตมณฑล Troms og Finn mark คาดว่าชื่อเมืองมาจากภาษานอร์เวย์ของชาวซามิ ที่เรียกเมืองนี้ว่า Beardu แปลว่า ภูเขาที่ทอดยาวและสูงชัน โดยเมืองบาร์ดูเป็นที่ตั้งของ Polar Park สวนสัตว์ที่อยู่เหนือสุดของโลก
นำท่าน เข้าชม Polar Park สวนสัตว์ที่ได้ชื่อว่ามีอัตราส่วนพื้นที่ต่อสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นสวนสัตว์ที่อยู่เหนือสุดของโลกอีกด้วย สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ในแถบขั้วโลก เป็นการจัดแสดงสัตว์ในที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติและถือว่าเป็นบ้านขนาดใหญ่ของสัตว์และนักล่าหลายพันธุ์
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองนาร์วิค (Narvik) ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์เป็นเมืองที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสและทอดพระเนตรการทำเหมืองแร่ของเมืองนี้ เมืองนาร์วิค เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขา และโอบล้อมไปด้วยทะเลอันกว้างใหญ่
นำท่าน นั่งเคเบิลคาร์ขึ้นสู่ยอดเขา Narvikfjellet ที่ความสูง 656 เมตร ที่แห่งนี้ท่านจะพบกับทิวทัศน์ที่สวยงามของเมือง เมื่อได้มองจากจุดชมวิวบนยอดเขา ถ่ายรูปและชมบรรยากาศตะวันตกดินในยามเย็นของเมืองนาร์วิคที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและทะเลไกลสุดตา
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม Quality Hotel Grand Royal หรือเทียบเท่า
DAY 5
นาร์วิค – เฮนนิ่งสวาร์ – สโวลแวร์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่ เมืองเฮนนิ่งสวาร์ (Henningsvaer) หมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งอยู่บนหมู่เกาะโลโฟเทน ปัจจุบันยังคงมีการทำประมงกันอยู่ จุดเด่นของเมืองคือบ้านชาวประมงสีแดง (Rorbuer) ตั้งอยู่ริมทะเล มีอ่าวจอดเรือประมงเรียงรายมากมาย เป็นภาพที่สวยงามตัดกับภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะในฤดูหนาว
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย นำท่าน ชมบรรยากาศเมืองเฮนนิ่งสวาร์ หมู่บ้านชาวประมงขนาดเล็กในเขตนอร์ดแลนด์ ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ๆ หลายแห่ง เชื่อมต่อกับภายนอกด้วย Henningsvaer bridge เป็นหมู่บ้านที่มีการทำประมงกันอย่างคึกคักบรรยากาศภายในหมู่บ้านท่านจะพบเห็นปลาคอดตากแห้งเรียงรายกันอยู่ทั่วไปเป็นเหมือนเอกลักษณ์ของเมือง ที่นี่ยังเป็นสถานที่ตั้งของสนามฟุตบอล Henningsvaer Fotballbanen ที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก หลังองค์กรฟุตบอลยุโรปยูฟ่ามาถ่ายทำสนามสำหรับแคมเปญ We play strong
ชมโรงงาน KAVIAR โรงงานคาเวียร์เก่าที่แปรสภาพเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย โรงงานนี้เคยเป็นสถานที่ทำงานที่มั่นคงบนเกาะ เมื่อโรงงานถูกทิ้งร้างจึงมีคนซื้อและดัดแปลงเป็นแกลลอรี่อยู่ติดชายทะเลมีความสวยงาม เยี่ยมชมบริเวณท่าเรือประมง ท่าเรือที่ได้มีการปรับตัวเพื่อให้เหมาะสำหรับการท่องเที่ยว ไม่เพียงแต่เป็นการเยี่ยมชมท่าเรือประมงเท่านั้น แต่เป็นการมองประวัติศาสตร์ อดีต และ ปัจจุบันของเฮนนิ่งสวาร์ เมืองที่เติบโตได้ด้วยการทำการประมง นำท่านเดินทางสู่ เมืองสโวลแวร์ (Svolvaer) เมืองในเขตนอร์ดแลนด์ (Nordland) ของนอร์เวย์ถือว่าเป็นเมืองหน้าด่านบนหมู่เกาะโลโฟเทนที่มีชื่อเสียงเรื่องทัศนียภาพที่สวยงามยิ่ง ระหว่างเดินทางสู่เมืองสโวลแวร์ท่านจะได้ชมและสัมผัสกับธรรมชาติสองข้างทางที่สวยงามมาก
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม Thon Hotel Lofoten หรือเทียบเท่า
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
DAY 6
สโวลแวร์ – นัสฟยอร์ด – รีนน์ – แฮมนอยด์ – หมู่บ้านโอ – เลคเนส
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
เดินทางสู่ นัสฟยอร์ด (Nusfjord) อดีตหมู่บ้านชาวประมงขนาดเล็กทางตอนใต้ของหมู่เกาะโลโฟเทน ให้ท่านได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันแปลกตา ภาพภูเขาสลับแม่น้ำ และทะเลสาบที่สะท้อนภาพเทือกเขาบนผืนน้ำกว้างใหญ่ ชมบ้านชาวประมงแบบ Rorbuer ที่ซ่อนตัวอย่างเงียบสงบท่ามกลางหุบเขาริมชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะมาอย่างยาวนานจนเว้าโค้งเข้ามาในแผ่นดินชมท่าเรือที่เคยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายแลกเปลี่ยนปลา
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองรีนน์ (Reine) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของหมู่เกาะ ระหว่างสองข้างทางท่านจะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันสวยงามแปลกตา ตามถนนสายธรรมชาติ ถนนสาย E10 ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักสายเดียวของหมู่เกาะโลโฟเทน ถนนเส้นเล็กๆ ที่เชื่อมต่อระหว่างเกาะเล็กเกาะน้อย จนกระทั่งเดินทางถึง เมืองรีนน์ ที่อยู่ของหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ ที่ถูกโหวตให้สวยงามและ
โรแมนติกที่สุดในนอร์เวย์ ให้ท่านได้เดินเล่นชมเมือง และถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจ
เดินทางสู่ หมู่บ้านแฮมนอยด์ (Hamnoy) หมู่บ้านชาวประมงที่ปรากฏอยู่ในโปสการ์ดโลโฟเทน บ้านชาวประมงหลากสีสันที่ตั้งอยู่อย่างสงบบนเกาะ ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาสูงตระหง่าน เป็นภาพที่เหมือนสวรรค์บนดินที่ในชีวิตหนึ่งต้องมาชมสักครั้ง ชม หมู่บ้านโอ (A Village) หมู่บ้านสุดท้ายของหมู่เกาะโลโฟเทน ถนนสายหลัก E10 สิ้นสุดลงที่จุดนี้ เป็นหมู่บ้านชาวประมงอีกหนึ่งแห่ง สัมผัสวิถีชีวิตของชาวประมงที่อาศัยบนเกาะนี้มากว่า 250 ปี ดูวิธีการแร่ปลาคอดเพื่อส่งออก ซึ่งเป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญที่ให้ชีวิตแก่คนบนหมู่เกาะโลโฟเทน
เดินทางสู่ เมืองเลคเนส (Leknes) อีกหนึ่งเมืองสวยที่อยู่ตรงใจกลางของหมู่เกาะโลโฟเทน เป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองในโลโฟเทน ที่ไม่ได้ทำการประมงและไม่มีศูนย์กลางเมืองติดทะเล ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีสถาปัตยกรรมไม้แบบดั้งเดิมเหมือนกับเมืองอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ตามสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของเมืองนี้ก็ยังคงสวยงาม มีภูเขา หน้าผาและหาดทรายสีขาว
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม Scandic Leknes Lofoten หรือเทียบเท่า
DAY 7
เลคเนส – ท่าเรือมอสคิเนส – ล่องเรือ Ferry – โบโด – มหาวิหารโบโด
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือมอสคิเนส (Moskenes)
เพื่อนั่งเรือเฟอร์รี่สู่เมืองโบโด ให้อิสระเต็มที่กับการเก็บภาพบรรยากาศธรรมชาติในระหว่างการล่องเรือสู่เมืองโบโด ชมฟยอร์ดแห่งเกาะโลโฟเทน เรียกได้ว่าเป็นเมือง
ฟยอร์ดที่สวยงามไม่แพ้ ฟยอร์ดแห่งแผ่นดินใหญ่นอร์เวย์ (หมายเหตุ เนื่องจากถ้าบินออกจากเกาะโลโฟเทนจะมีแต่เครื่องบินระบบใบพัด และเต็มเร็วมาก การเดินทางเรือได้ชมวิวฟยอร์ดสบายๆ รถบัสใหญ่ขึ้นเรือ Ferry ข้ามไปที่เมืองโบโดด้วยไม่ต้องกังวลเรื่องการขนกระเป๋าสัมภาระ)
เข้าชม พิพิธภัณฑ์การบินนอร์เวย์ (Norwegian Aviation Museum)
ชมพิพิธภัณฑ์การบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตสแกนดิเนเวีย เป็นสถานที่สำหรับเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การบิน รวมไปถึงบทบาทที่สำคัญของการบินในช่วงยุคสงครามเย็น เปิดใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1998 ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับหอควบคุมการบิน เครื่องบินรุ่นต่างๆ รวมไปถึงเครื่องบินโบราณจำนวนมาก
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชม เมืองโบโด (Bodo) เมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอาร์กติกเซอร์เคิล มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตนอร์ดแลนด์ (Nordland) และเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ในภาคเหนือของประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองที่มีความทันสมัย เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของนอร์เวย์
เข้าชม มหาวิหารโบโด (Bodo Cathedral) สร้างขึ้นในช่วงปี 1956 เป็นมหาวิหารที่ค่อนข้างมีความทันสมัยและมีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองโบโด โดยสิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดคงจะเป็นหอระฆังที่มีความสูงถึง 36 เมตร และมีการประดับประดาหน้าต่างที่สวยงาม
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม Radisson Blu Hotel Bodo หรือเทียบเท่า
DAY 8
โบโด – บินภายใน – ออสโล – พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง – ช้อปปิ้งถนนคาร์ล โยฮันส์ เกท
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
08.00 น. นำทุกท่านเดินทางสู่สนามบิน
10.30 น. ออกเดินทางสู่ กรุงออสโล (Oslo) โดยสายการบินสแกนดิเนเวียน แอร์ไลน์เที่ยวบิน SK 4107
12.00 น. เดินทางถึง กรุงออสโล เมืองหลวงแห่งประเทศนอร์เวย์ เมืองสวยในเขตชายฝั่งทะเลแบบฟยอร์ดของยุโรปเหนือ ตัวเมืองประกอบด้วยเกาะ 40 เกาะที่มีบรรยากาศงดงาม ตั้งอยู่ขอบด้านเหนือของอ่าวฟยอร์ดที่ชื่อ ออสโลฟยอร์ด เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
นำท่านชม สวนปฎิมากรรมวิกเกอร์แลนด์ (Vigeland Sculpture Park) อยู่ในอุทยานฟร็อกเนอร์สำหรับความพิเศษของ วิกเกอร์แลนด์พาร์ค นั้นอยู่ที่ผลงานศิลปะประติมากรรม การแกะสลักรูปเหมือนจากหินแกรนิต และการหล่อรูปคนด้วยสำริด ในเรื่องราวเกี่ยวกับวัฏจักรชีวิตมนุษย์ ผลงานของ “กุสตาฟ วิกเกอร์แลนด์ (Gustav Vigeland) ปฎิมากรชาวนอร์เวย์ชื่อดัง
ชม นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง (Viking Ship Museum) อาคารชั้นเดียวที่จัดแสดงเรือไวกิ้งไว้ 3 ลำ แต่ละลำมีอายุประมาณ 1,000 ปี โดยขุดได้จากรอบ ๆ ออสโลฟยอร์ด นอกจากนี้ยังจัดแสดงเกี่ยวกับเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี ย่านท่าเรือ Aker Brygge ที่ปรับปรุงใหม่เป็นที่เดินเล่น ศูนย์รวมร้านอาหารสมัยใหม่และห้างสรรพสินค้า เยี่ยมชมบริเวณ ศาลาว่าการเมืองออสโล (City Hall Square) ศาลาว่าการที่สร้างด้วยอิฐสีแดงจำนวนมาก โดยใช้ระยะเวลาในการสร้างนานกว่า 19 ปี ที่แห่งนี้ใช้เป็นสถานที่จัดงานประกาศรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ในวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี พาทุกท่านเดินทางสู่
คาร์ล โยฮันส์ เกท (Karl Johans Gate) ย่านการค้าที่สำคัญของเมืองออสโล ถนนเส้นนี้มีทั้งสินค้า แบรนด์เนมราคาแพงจนถึงสินค้าพื้นเมือง มีของที่ระลึกมากมายให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากก่อนเดินทางกลับ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม Clarion Hotel The Hub หรือเทียบเท่า
DAY 9
ออสโล – กรุงเทพฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
09.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบิน
13.30 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ TG 955
DAY 10
กรุงเทพฯ
06.20 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
ราคาเริ่มต้นที่
169,800.- บาท / คน
ช่วงเวลาเดินทาง
กำหนดวันเดินทาง
15 – 24 มี.ค. 63
09 – 18 เม.ย. 63
ดาวน์โหลด
02-678-6088